ประหารชีวิตฆาตกร ศาลญี่ปุ่นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต นายทากะฮิโระ ชิไรชิ ผู้ก่อคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “ฆาตกรทวิตเตอร์” ที่สังหารเหยื่อ 9 รายภายในระยะเวลา 2 เดือน โดยใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการหาเหยื่อ นายชิไรชิ ถูกจับกุมเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2017 หลังจากตำรวจพบชิ้นส่วนมนุษย์จำนวนมากถูกซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพักของเขาที่เมืองซามะ ใกล้กับกรุงโตเกียว โดยเพื่อนบ้านของเขาให้การว่าเริ่มได้กลิ่นเหม็นประหลาดออกมาจากห้องพักที่นายชิไรชิย้ายเข้าไปอยู่ในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน
คดีของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้สร้างความตกตะลึงให้กับชุมชนชาวญี่ปุ่น และจุดประกายการอภิปรายเกี่ยวกับการสนทนาเรื่องการฆ่าตัวตายทางออนไลน์ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในการพิจารณาคดีวันนี้ (15 ธ.ค.) มีประชาชนกว่า 400 คนเดินทางไปชมคำพิพากษา แม้จะมีเก้าอี้ในศาลเพียง 16 ตัวเพื่อรองรับผู้ที่ต้องการฟังคำพิพากษา ยังมีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่สนับสนุนโทษประหารชีวิต สิ่งนี้ทำให้ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิตได้
ฆาตกรทวิตเตอร์ ใช้ทวิตเตอร์หาเหยื่อ
ประหารชีวิตฆาตกร นายชิราอิชิ ซึ่งปัจจุบันอายุ 30 ปี ใช้ทวิตเตอร์เพื่อล่อเหยื่อ ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่คิดฆ่าตัวตายจึงไปที่ห้องของเขา โดยระบุว่าเขาสามารถช่วยให้คนเหล่านี้จบชีวิตได้ และในบางกรณีเขายังอ้างว่าได้ฆ่าตัวตายพร้อมกับเหยื่อด้วย สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างข้อมูลจากคำร้องเรียนที่นายชิราอิชิรัดคอและแยกชิ้นส่วนศพของเหยื่อ เป็นผู้หญิง 8 คน ผู้ชาย 1 คน อายุ 15-26 ปี ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2560
คดีฆาตกรรม อันน่าตกตะลึงถูกเปิดเผยในวันฮาโลวีน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 หลังจากที่ตำรวจพยายามตามหาผู้หญิงวัย 23 ปี ที่ได้รับรายงานว่าหายตัวไปเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมของปีเดียวกัน เมื่อตำรวจสอบสวนได้เบาะแสจึงไปตรวจค้นห้องของนายชิราอิชิ และพบศีรษะมนุษย์ ส่วนแขน ขา และกระดูกมนุษย์ 9 ชิ้น ในกล่องเย็น และกล่องเก็บของหลายช่อง
เกิดอะไรขึ้นในการพิจารณาคดี
อัยการขอให้ศาลลงโทษประหารชีวิตนายชิไรชิ ซึ่งได้ยอมรับสารภาพผิดต่อศาล แต่ทนายความของฆาตกรรายนี้ชี้ว่าลูกความของเขามีความผิดในข้อหาที่มีโทษเบากว่า นั่นคือ การฆ่าโดยได้รับความยินยอม โดยอ้างว่าเหยื่อของเขาได้อนุญาตให้นายชิไรชิปลิดชีพพวกเขา ทว่าในเวลาต่อมา นายชิไรชิ ให้การขัดแย้งกับทีมทนายความของเขา โดยระบุว่าเขาลงมือฆ่าโดยที่เหยื่อไม่ได้ยินยอม โดยในการอ่านคำพิพากษาวันนี้ ผู้พิพากษาระบุว่า “ไม่มีเหยื่อคนใดยินยอมให้ฆ่า”
คดีนี้ส่งผลอย่างไรต่อสังคมญี่ปุ่น
เอ็นเอชเค รายงานว่า พ่อของหนึ่งในเหยื่อวัย 25 ปี กล่าวต่อศาลในการพิจารณาคดีเมื่อเดือนที่แล้วว่า เขา “ไม่มีวันยกโทษให้นายชิไรชิแม้ว่าเขาจะตาย”
“จนถึงตอนนี้ เวลาที่ผมเห็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของผม ผมมักเผลอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกสาวผม ความเจ็บปวดนี้จะไม่มีวันจางหายไป เอาลูกผมคืนมา” เขากล่าว คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ครั้งนี้สร้างความตกตะลึงให้สังคมญี่ปุ่น และนำไปสู่การถกเถียงครั้งใหม่เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ผู้คนเข้าไปพูดคุยกันเรื่องการฆ่าตัวตาย โดยช่วงที่เกิดคดีนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าอาจมีการออกมาตรการใหม่มาควบคุมปัญหานี้ ขณะเดียวกัน คดีนี้ยังทำให้ทวิตเตอร์ปรับเปลี่ยนกฎกติการการใช้งานที่ระบุว่าผู้ใช้งานต้องไม่ “ส่งเสริมหรือสนับสนุนการฆ่าตัวตายหรือการทำร้ายตัวเอง”
ศาลสหรัฐฯ ตัดสินประหารชีวิตฆาตกรโหดสังหารผู้หญิง 2 คน
ศาลในลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตสำหรับ ไมเคิล คาร์จูโล ฆาตกรโหดที่มีชื่อเล่นว่า “ฮอลลีวูด ริปเปอร์” ในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวสองคนในช่วงทศวรรษ 2000 โดยหนึ่งในนั้นคือแฟนเก่าของเขา ของนักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง แอชตัน คุชเชอร์ Carjulo สังหาร Ashley Ellerin วัย 22 ปี และ Maria Bruno วัย 32 ปี ด้วยการแทงอย่างโหดร้ายที่บ้านของเหยื่อในแคลิฟอร์เนีย
เขาถูกตำรวจจับกุมหลังจากพยายามโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีกในปี 2551 แต่มิเชล เมอร์ฟี เพื่อนบ้านที่เป็นผู้หญิง ซึ่งขณะนั้นอายุ 26 ปี พยายามต่อสู้เพื่อกลับไปสู่การถูกสังหาร และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำเลือดจากที่เกิดเหตุไปตรวจและพบว่า DNA ตรงกับนายคาร์จูโล
หลังจากผู้พิพากษา แลร์รี พอล ฟีดเลอร์ ประกาศคำตัดสินประหารชีวิตนายการ์จูโล เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ครอบครัวของเหยื่อต่างร่ำไห้ด้วยความยินดี เช่นเดียวกับ น.ส.เมอร์ฟี ซึ่งเป็นพยานปากเอกในคดี ได้กล่าวต่อศาลทั้งน้ำตาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ “การอยู่ตามลำพังในยามค่ำคืนได้สร้างโลกแห่งความหวาดกลัวให้ดิฉัน” ตลอดเวลากว่า 1 ทศวรรษให้หลัง
“ในคดีนี้ทุกที่ที่นายการ์จูโลไป ล้วนมีแต่การเสียชีวิตและความหายนะตามมา” ผู้พิพากษา ฟีดเลอร์ กล่าวระหว่างการตัดสิน สำหรับคดีนี้ นายการ์จูโลได้ถูกตัดสินให้มีความผิดฐานฆาตกรรม 2 กระทง และพยายามฆ่าอีก 1 กระทง เมื่อปี 2019 แต่เขายังยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองเรื่อยมา นอกจากนี้ เขายังเตรียมถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีที่รัฐอิลลินอยส์ ในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาววัย 18 ปี คนหนึ่งเมื่อปี 1993
คดีดัง
ประหารชีวิตฆาตกร คดีสังหารผู้หญิง 2 รายในรัฐแคลิฟอร์เนียของนายการ์จูโล ได้รับความสนใจไปทั่วโลกเนื่องจากหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ น.ส. เอลเลอริน เป็นอดีตคู่เดตของดาราหนุ่ม แอชตัน คุตเชอร์ และในคืนเกิดเหตุของวันที่ 21 ก.พ. ปี 2001 ทั้งคู่ได้นัดจะออกไปพบกัน แต่ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นก่อนหน้านั้นเพียงไม่นาน ในระหว่างการพิจารณาคดี นายคุตเชอร์ เป็นหนึ่งในพยานที่ขึ้นให้การต่อศาล โดยเขาเล่าว่า ได้เคาะประตูบ้านในย่านฮอลลีวูดของ น.ส. เอลเลอริน แต่ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ เขาจึงลองมองผ่านหน้าต่างเข้าไป และเห็นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นคราบไวน์แดงหกอยู่บนพื้น แล้วจึงตัดสินใจกลับบ้าน
ในวันต่อมา เพื่อนร่วมบ้านของ น.ส. เอลเลอริน เป็นผู้พบเธอถูกแทงเสียชีวิต 47 แผล ด้านดาราหนุ่มได้ให้การต่อศาลว่า เขาตกใจมากตอนที่ได้ทราบข่าวว่าคู่เดตของเขาถูกสังหาร หลังจากนั้น นายการ์จูโลยังคงหลบหนีมาได้อย่างลอยนวล แล้วก่อเหตุสังหารนางบรูโน แม่ลูกสี่ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเขาในเดือน ธ.ค. ปี 2005 โดยอัยการระบุว่าเขา “ชำแหละ” เธอด้วยมีดในขณะที่เธอกำลังนอนหลับ
3 ปีต่อมา น.ส.เมอร์ฟี เหยื่ออีกราย ตื่นขึ้นมากลางดึกในห้องพักย่านซาตา โมนิกา ของเธอ และพบนายการ์จูโลคร่อมอยู่บนตัว แล้วใช้มีดแทงเธอ แต่เธอต่อสู้จนเขาหนีออกไป และนำไปสู่การจับกุมตัวฆาตกรใจโหดรายนี้ได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่นายการ์จูโล ซึ่งปัจจุบันอายุ 45 ปี จะถูกนำตัวไปประหารชีวิต โดยการประหารชีวิตครั้งล่าสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียมีขึ้นในปี 2006 แต่นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตได้สั่งพักการใช้โทษประหารชีวิตลงชั่วคราวมาตั้งแต่ปี 2019